คำๆหนึ่งในภาษาอังกฤษที่เราใช้กันบ่อยๆก็คือ Verb หรือคำกริยา(การกระทำ)นั่นเอง!!
## ว่าแต่ Verb 3 ช่องที่เราเคยท่องกันตั้งแต่เรียนประถมเนี่ย แต่ละช่องเราจะใช้ยังไง และจะดูยังไงว่าเป็นช่องไหน??? เพราะว่า verb บางตัว 3 ช่องเขียนเหมือนกันหมดเลย ยกตัวอย่างเช่น คำว่า cut
(cut cut cut) 3ช่องเขียนเหมือนกัน
>> มาดูกัน >>
(cut cut cut) 3ช่องเขียนเหมือนกัน
>> มาดูกัน >>
## Verb 3 ช่องในภาษาอังกฤษ ใช้เพื่อบอกกาลเวลา
@ Verb ช่อง 1 ใช้บอกว่า เกิดขึ้นในปัจจุบัน
@ Verb ช่อง 1 ใช้บอกว่า เกิดขึ้นในปัจจุบัน
>> เทคนิคการดูว่าเป็นVerb ช่อง1
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (มีสิ่งเดียว คนเดียว) Verbช่อง1 จะเติมs,es / แต่ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ (หลายสิ่ง หลายคน) Verbช่อง1 ก็ไม่ต้องเติมอะไร
เช่น The girl cuts an apple. (cut เติมs เพราะประธาน the girl มีแค่คนเดียว)
@ Verb ช่อง 2 ใช้บอกว่า เกิดขึ้นในอดีตและจบไปแล้ว
>> เทคนิคการดูว่าเป็นVerb ช่อง2
Verb ช่อง2 จะอยู่ตัวเดียวเดี่ยวๆได้
เช่น The girl cut an apple.
cut เป็นรูปแบบverb ช่อง2 เพราะอยู่ตัวเดียวเด่ียวๆ (ช่อง2ของcut เขียนเหมือนช่อง1และช่อง3)
@ Verb ช่อง3 ไม่สามารถอยู่ตัวเดียวได้!!
-Verb ช่อง3 ต้องใช้ตามหลัง V.to have (Tense Perfect ใช้บอกว่าเหตุการณ์นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องในอดีต)
เช่น The girl has cut an apple.
cut ในประโยคนี้เป็นVerb ช่อง3 เพราะว่าอยู่ตามหลังhas (เป็นV.to have)
-Verb ช่อง3 ต้องใช้ตามหลัง V.to have (Tense Perfect ใช้บอกว่าเหตุการณ์นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องในอดีต)
เช่น The girl has cut an apple.
cut ในประโยคนี้เป็นVerb ช่อง3 เพราะว่าอยู่ตามหลังhas (เป็นV.to have)
-Verb ช่อง3 ต้องอยู่ตามหลังV.to be
จะแปลว่าถูกทำ(Passive)
เช่น An apple is cut by the girl.
cut ในประโยคนี้เป็นVerb ช่อง3 เพราะอยู่ตามหลัง is (ซึ่งเป็นV.to be) ดังนั้น ความหมายในประโยคนี้ก็คือ แอ๊ปเปิ้ลถูกตัดโดยเด็กผู้หญิงนั่นเอง
จะแปลว่าถูกทำ(Passive)
เช่น An apple is cut by the girl.
cut ในประโยคนี้เป็นVerb ช่อง3 เพราะอยู่ตามหลัง is (ซึ่งเป็นV.to be) ดังนั้น ความหมายในประโยคนี้ก็คือ แอ๊ปเปิ้ลถูกตัดโดยเด็กผู้หญิงนั่นเอง
# หลักการที่กล่าวไปนั้นจะทำให้เราดูverb แต่ละช่องได้ง่ายขึ้นนะคะ